วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

บริษัท อีซูซุ มอเตอร์ จำกัด (いすゞ自動車株式会社:Isuzu Jidōsha Kabushiki-gaisha?; Isuzu Motors Ltd.) เป็นผู้ผลิตยานพาหนะส่วนบุคคล ยานพาหนะเพื่อการพาณิชย์ และ รถบรรทุกของหนัก มีสำนักงานใหญ่ในโตเกียวประเทศญี่ปุ่น ในปี พ.ศ. 2548 อีซูซุ คือ ผู้ผลิตรถบรรทุกขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่มากที่สุดในโลก โดยมีฐานการผลิตอยู่ที่เมืองฟูจิซะวะ และยังมีที่ จังหวัดโทะจิงิ และจังหวัดฮกไกโด อีกด้วย

ประวัติและการดำเนินการของอีซูซุในประเทศไทย

ในประเทศไทย ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุในประเทศไทยคือ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด และมีบริษัทตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุตามภูมิภาค ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ และ มีโรงงานประกอบในประเทศไทย คือ อีซูซุ มอเตอร์ ( ประเทศไทย ) จำกัด โดยที่ตั้งของโรงงานจะอยู่ ที่จังหวัดสมุทรปราการ และ จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยอีซูซุในประเทศไทยเริ่มมีการดำเนินการตั้งแต่เมื่อ พ.ศ. 2500 ส่วนใหญ่แล้วอีซูซุจะประกอบรถกระบะ รถบรรทุก และรองลงมาจะประกอบรถยนต์เอนกประสงค์ แต่ในช่วง พ.ศ. 2534-2540 อีซูซุได้ประกอบรถกระบะให้กับค่ายรถยนต์อื่น คือ ฮอนด้า และ โอเปิล(สมัยนั้นรถของจีเอ็มในประเทศไทย ยังเป็น โอเปิล ไม่ใช่ เชฟโรเลต) เนื่องจากฮอนด้า และ จีเอ็ม(สมัยนั้นยังเป็นโอเปิล) ยังไม่มีรถกระบะเป็นแบรนด์ของตัวเอง แต่อยากจะมีส่วนร่วมในรถกระบะบ้าง จึงให้อีซูซุประกอบให้ โดยฮอนด้าใช้ชื่อว่า ฮอนด้า ทัวร์มาสเตอร์ ส่วนโอเปิล(จีเอ็ม)ใช้ชื่อว่าโอเปิล แคมโป้ แต่ยอดขายย่ำแย่มาก และในช่วง พ.ศ. 2539-2546 อีซูซุก็ยังไม่มีรถเก๋งเป็นแบรนด์ของตัวเอง จึงให้ฮอนด้าประกอบให้ โดยให้ชื่อว่า อีซูซุ เวอร์เท็กซ์ ถึงแม้ว่ารุ่นนี้จะเป็นรุ่นแรกที่เป็นรถซีดาน หรือรถเก๋งรุ่นแรกของอีซูซุประเทศไทย และใช้พรีเซนเตอร์ชื่อดังอย่าง ริชาร์ด เกียร์ แต่กลับทำยอดขายได้ย่ำแย่แต่ก็ขายได้ดีกว่ากระบะของฮอนด้าและโอเปิล โดยเลิกผลิตในปี พ.ศ. 2545 ในปี พ.ศ. 2545 ทางอีซูซุจึงได้เปิดตัวรถกระบะที่สมบูรณ์แบบที่สุดของอีซูซุเท่าที่เคยมีมา คือ อีซูซุ ดีแมคซ์ ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทย และอีก 2 ปีถัดมา ได้มีการเปิดตัว อีซูซุ มิว-เซเว่นซึ่งเป็นรถเอนกประสงค์ที่ดัดแปลงจากรถกระบะ(พีพีวี)


รุ่นที่ผลิตอยู่ในปัจจุบันในประเทศไทย

รุ่นที่เลิกผลิตไปแล้วในประเทศไทย

การครองความเป็นเจ้าแห่งรถกระบะในประเทศไทย

อีซูซุ ครองความเป็นเจ้าตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ในประเทศไทยมาเป็นระยะเวลายาวนานถึง 19 ปี สาเหตุที่สำคัญเป็นเพราะอีซูซุ เข้าใจตลาดรถกระบะเมืองไทย และทำตลาดได้ตรงตามความต้องการของคนไทยมากที่สุด จุดที่ทำให้ รถกระบะอีซูซุ ครองความเป็นผู้นำในตลาดนี้มายาวนาน เป็นเพราะ
  1. เน้นเครื่องยนต์ที่ทนทาน ในขณะที่ยี่ห้ออื่นไปเน้นด้านพลัง จนถึงระยะเวลาหนึ่ง อีซูซุจึงได้พิสูจน์ให้เห็นว่า เครื่องยนต์ของกระบะอีซูซุทนทานมาก ทำให้ประหยัดเงินในการซ่อมบำรุงต่างกับยี่ห้ออื่นมาก
  2. เน้นเรื่องความประหยัดน้ำมันมาโดยตลอด แม้ในขณะที่เปิดตัวรุ่นแรก ราคาน้ำมันไม่ได้แพงมากเหมือนสมัยปัจจุบัน แต่อีซูซุ กลับเน้นการประหยัดน้ำมัน ในขณะที่ยี่ห้ออื่นๆ ไปเน้นเรื่องความเร็วและความแรง
  3. มักเป็นผู้ริเริ่มในด้านตลาดรถยนต์กลุ่มนี้
  4. เป็นกระบะเจ้าแรกที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล หัวฉีด ไดเร็คอินเจ็คชั่น
  5. เป็นกระบะเจ้าแรกที่ทำแค็บ (ประมาณช่วงปี พ.ศ. 2528)
  6. เป็นกระบะเจ้าแรกที่เอาเกียร์อัตโนมัติมาใช้ เพื่อความสะดวกสบายสำหรับผู้ขับขี่
  7. เป็นกระบะเจ้าแรกที่เอาเทอร์โบมาใช้
  8. เป็นกระบะเจ้าแรกที่ทำกระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ ยกสูงจากโรงงาน (isuzu d-max hi-lander)
  9. ศูนย์บริการที่มีมากกว่าเจ้าอื่นๆ
  10. ราคาอะไหล่ไม่แพง และใช้ได้ทนทาน นาน
จนมาถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่เป็นสาหตุสำคัญที่ทำให้ กระบะอีซูซุ ไม่ได้ครองเจ้าตลาดอีกในเวลาต่อมาคือ
  1. การร่วมมือกับ GM ออกกระบะรุ่นดีแมกซ์ออกมา ทำให้ลูกค้าส่วนหนึ่งของอีซูซุ ที่ไม่ชอบหน้าตาดีแมกซ์ แต่ยังชื่นชอบระบบเครื่องยนต์และช่วงล่างของอีซูซุ หันไปซื้อกระบะของ GM แทน
  2. การเริ่มถูกคู่แข่งลงทุนไม่อั้น โดยเป็นผู้ริเริ่มสิ่งใหม่ๆ แทน เช่นการใช้เครื่องยนต์คอมมอนเรล การติดตั้งก๊าซซีเอ็นจีจากโรงงาน ที่อีซูซุ ไม่ตัดสินใจทำก่อน
  3. ดีแมคซ์คอมมอนเรล มีปัญหามากมาย เช่นคลัทช์ดัง น้ำมันเครื่องหาย ปัญหา SCV วาล์ว
  4. การใช้คัทซี 2 ท่อน ทำให้ลูกค้าที่ไม่เข้าใจ ลังเล เพราะไม่มั่นใจ
  5. โทนสีภายในของอีซูซุ ดูไม่ทันสมัย ในขณะที่เจ้าอื่น ไปใช้โทนสีครีม สีเบจ แต่อีซูซุยังใช้โทนสีเทา หรือสีดำ
  6. การขายไม่รวมแอร์ ทำให้ลูกค้าใหม่ๆที่จะหันมาซื้อ เกิดฉุกคิดเปรียบเทียบ กับกระบะยี่ห้ออื่น ที่ไม่คิดราคาเพิ่มค่าแอร์